วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ทองสามย่าน




ทองสามย่าน

ชื่ออื่น ๆ : ทองสามย่าน (ภาคกลาง), โพเพะ (โคราช)
ชื่อสามัญ : -
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Kalanchoe integra (Medik.) O. Kuntze
สรรพคุณ :
ลำต้น ใช้เป็นยาแก้บรรเทาอาการฟกช้ำ และบวม ห้ามโลหิต และเป็นยาใช้ล้างนัยน์ ตา
ใบ นำใบสดมาตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาน้ำ เป็นยาแก้ไข้มาลาเรีย แก้อหิวาตกโรค เป็นยาแก้พิษในสัตว์ เป็นยาบำรุง และเป็นยาใช้พอกแผล เป็นต้น

ทองกวาว



ทองกวาว

ชื่ออื่น ๆ : จอมทอง (ภาคเหนือ), ทองกวาวต้น (ภาคกลาง), กวาวก้าว (พายัพ) ทองพรมชาติ, ทองธรรมชาติ, จาน(ภาคอีสาน), ทองต้น (ราชบุรี), จ้า (เขมร)
ชื่อสามัญ : Flame of the forest.
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Butea monosperma O. Ktze.
วงศ์ : LEGUMINOSAE
สรรพคุณ :
ใบ ใช้ใบสดนำมาต้มเอาน้ำกิน เป็นยาแก้ปวด ขับพยาธิ ถอนพิษ แก้ท้องขึ้น แก้ริดสีดวงทวาร นำใบสดมาตำให้ละเอียดใช้พอกสิว และฝีเป็นต้น
ดอก ใช้ดอกสดมาต้มเอาน้ำรับประทานเป็นยา แก้ถอนพิษไข้ ช่วยขับปัสสาวะ หรือนำเอาน้ำมาผสมกับยาหยอดตาแก้โรคตามัว หรือเจ็บตา เป็นต้น ฝัก นำมาต้มเอาน้ำดื่ม เป็นยาขับถ่ายพยาธิ
เมล็ด นำเมล็ดมาตำให้ละเอียดแล้วใช้ผสมกับน้ำมะนาว ใช้บริเวณที่เป็นผื่นคัน หรือเป็นแผลอักเสบเนื่องจากเป็นโรคผิวหนัง หรือนำเมล็ดมาต้มใช้น้ำกินเป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือน เป็นต้น
ราก นำรากสดมาต้ม ใช้น้ำรับประทาน เป็นยาแก้โรคประสาททุกชนิด และใช้เป็นยาบำรุงธาตุอีกด้วย

ท้อ



ท้อ

ชื่ออื่น ๆ : หุงหม่น, หุงคอบ (เชียงใหม่), มักม่วน, มักม่น (ภาคเหนือ), มะฟุ้ง (ชาน), ท้อ (จีน-แต้จิ๋ว)
ชื่อสามัญ : Nectarine, peach
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prunus persica Batsch.
วงศ์ : ROSACEAE
สรรพคุณ :
ราก เปลือกรากหรือต้น ใช้สดประมาณ 30-60 กรัม แล้วนำไปต้มกิน หรือใช้สำหรับภายนอก โดยต้มเอาน้ำชะล้าง ราก เปลือกรากหรือต้นนั้น จะมีรสขม ใช้รักษาโรคดีซ่านและตาเหลือง โดยใช้รากหั่นเป็นฝอย ต้มกินตอนอุ่น ๆ ขณะที่ท้องว่าง ใช้รักษาเยื่อหุ้มกระดูกอักเสบ ใช้รากอ่อนสีขาว ผสมน้ำตาลแดงพอประมาณ แล้วตำพอกตามบริเวณที่เจ็บ นอกจากนี้ยังเป็นยารักษาประจำเดือนไม่ปรกติ ปวดข้อแผลบวม อาเจียนเป็นเลือด กระอักเลือด เป็นแผลมีหนองเรื้อรัง และโรคริดสีดวงทวาร

เถาย่านาง



เถาหญ้านาง

ชื่ออื่น ๆ : จอยนาง (เชียงใหม่), เถาย่านาง, เถาหญ้านาง (ไทย)
ชื่อสามัญ : -
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tiliacora triandra Diels
วงศ์ : -สรรพคุณ :
ใบ จะมีรสเย็นใช้ถอนพิษ หรือใช้ใบต้มกับหน่อไม้ ทำให้หน่อไม้หายขื่นกับมีรสหวาน หรือจะใช้ตำบีบเอาแต่น้ำใส่ในแกงบวน จะทำให้แกงมีรสดีขึ้น
ราก ใช้ผสมเป็นยาไม่ผูกและไม่ถ่าย รักษาโรคไข้ทั้งปวงผิดสำแดง

ทรงบันดาล



ทรงบาดาล

ชื่ออื่น ๆ : ขี้เหล็กหวาน, สะแก้ง, ตรึงบาดาล
ชื่อสามัญ : Scrambled eggs, Kalamona
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia surattensis Burm.
วงศ์ : LEGUMINOSAE. (The Pea Family)
สรรพคุณ :
ราก นำมาต้มเอาน้ำกิน เป็นยาแก้สะอึก แก้ถอนพิษสำแดง
ถิ่นที่อยู่ : ทรงบาดาล เป็นพรรณไม้พื้นเมืองของพวกเอเซียในเขตร้อน
หมายเหตุ : ทรงบาดาล, ขี้เหล็กบ้าน (ไทย) ; สะเก๋ง (พายัพ) ; พรึงบาดาล, ตรึงบาดาล (ระยอง) ;

ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้เป็นพืชอวบน้ำลำต้นสั้นหรือไม่มีลำต้นสูง 60–100 ซม. (24–39 นิ้ว) กระจายพันธุ์โดยตะเกียง ใบหนาอ้วนมีสีเขียวถึงเทา-เขียว บางสายพันธุ์มีจุดสีขาวบนและล่างของโคนใบ[1] ขอบใบเป็นหยักและมีฟันเล็กๆสีขาว

สรรพคุณทางยา

วุ้นในใบว่านหางจระเข้มีสารเคมีอยู่หลายชนิด เช่น Aloe-cmidin, Aloesin, Aloin, สารประเภท glycoprotein และอื่นๆ ยางที่อยู่ในว่านหางจระเข้มีสาร anthraquinone ทีมีฤทธิ์ขับถ่ายด้วย ใช้ทำเป็นยาดำ มีการศึกษาวิจัยรายงานว่า วุ้นหรือน้ำเมือกของว่านหางจระเข้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลเรื้อรัง และแผลในกระเพาะอาหารได้ดี เพราะวุ้นใบมีสรรพคุณรักษาแผลต่อต้านเชื้อแบคทีเรียช่วยสมานแผลได้ด้วย